วันนี้ (17 ส.ค. 59) เวลา 11.00 น. ที่ห้องประชุมวายุภักษ์ Grand Hall โรงแรมเซ็นทรา ศูนย์ราชการและคอนเวนชั่นเซ็นเตอร์ แจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ นายไมตรี อินทุสุต ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (ปลัด พม.) เป็นประธานในพิธีเปิดงานเวทีวิชาการ การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ประจำปี 2559 ภายใต้หัวข้อ “ประชารัฐร่วมใจสู่สวัสดิการสังคมไทยยั่งยืน” โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้การทำงานเพื่อสังคมระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน ส่งเสริมให้ประชาชนคนไทยได้รับสวัสดิการที่ดี และจุดประกายในการผนึกกำลังระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนสำหรับการขับเคลื่อนการจัดสวัสดิการสังคม ที่เหมาะสม ทั่วถึง และยั่งยืน พร้อมมอบโล่รางวัลองค์กรดีเด่น ด้านการนำผลงานวิชาการของกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ ไปใช้ประโยชน์ จำนวนทั้งสิ้น 22 องค์กร และโล่ประกาศเกียรติคุณแก่บริษัทและองค์กรที่มาร่วมเปิดบูธนิทรรศการ จำนวนทั้งสิ้น 7 องค์กร รวมทั้ง กล่าวปาฐกถาพิเศษ เรื่อง “สวัสดิการสังคมไทยในทศวรรษหน้า”
นายไมตรี กล่าวว่า งานเวทีวิชาการ การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี โดยสำนักงานส่งเสริมและสนับสนุนวิชาการ 1 – 12 สำนักงานปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ เพื่อเป็นเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้การดำเนินงานด้านการพัฒนาสังคมระหว่างหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน รวมถึงสถานการณ์ทางสังคมที่มีผลกระทบต่อความเป็นอยู่และคุณภาพชีวิตของประชาชน ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและเครือข่ายภาคประชาชนสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการพัฒนางานขององค์กร และงานพัฒนาสังคมและสวัสดิการในชุมชนของตนได้ทันต่อสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงและเหมาะสมกับบริบทพื้นที่ ส่งผลให้เกิดการขยายขอบเขตการดำเนินงานด้านวิชาการ ให้มีความครอบคลุมทุกมิติและทุกกลุ่มเป้าหมายของกระทรวงฯ สำหรับการจัดงานในปีนี้ เป็นปีแรกที่ทุกหน่วยงานระดับกรมในสังกัดกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ ร่วมกันเป็นเจ้าภาพดำเนินงานในรูปของคณะกรรมการ โดยมีมติเห็นชอบให้จัดงานเวทีวิชาการ ภายใต้หัวข้อหลัก “ประชารัฐร่วมใจสู่สวัสดิการสังคมไทยยั่งยืน” ซึ่งสอดคล้องกับยุทธศาสตร์สานพลังประชารัฐของรัฐบาล ที่มุ่งหวังที่จะผนึกกำลังขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศ จากทุกภาคส่วน ได้แก่ ภาครัฐ ภาควิชาการ ภาคประชาสังคม และภาคประชาชน โดยมีเป้าหมายสูงสุด คือ ความผาสุกและความอยู่ดีกินดีของประชาชนไทยโดยถ้วนหน้า
นายไมตรี กล่าวต่อไปว่า สำหรับการดำเนินงานจัดสวัสดิการสังคมของไทยที่ผ่านมา สามารถจำแนกออกเป็น 4 ด้านหลัก ได้แก่ 1) การบริการสังคม 2) การช่วยเหลือทางสังคม 3) การประกันสังคม และ 4) การช่วยเหลือเกื้อกูลของภาคประชาชน ทั้งนี้ ระบบสวัสดิการสังคมของไทยที่มีการพัฒนามาจนถึงปัจจุบันเรียกได้ว่า มีความหลากหลายเฉพาะที่หลักๆ ได้แก่ ระบบที่เรียกว่าสวัสดิการถ้วนหน้า หรือ Universal ซึ่งประเทศไทยได้ดำเนินการสำเร็จเรียบร้อยแล้ว ได้แก่ สวัสดิการด้านการรักษาพยาบาล การศึกษาขั้นพื้นฐาน การให้เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ และเบี้ยยังชีพผู้พิการ แต่ยังถือว่ามีข้ออุปสรรคปัญหาอยู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสวัสดิการเรื่องการรักษาพยาบาลที่ยังไม่มีความเท่าเทียมกันในการให้บริการ ส่วนอีกระบบหนึ่งคือ การให้บริการแบบเฉพาะเจาะจง หรือที่เรียกว่า Targeted เป็นการเลือกให้บริการเฉพาะผู้ที่อยู่ในสภาวะยากลำบาก เช่น การให้เงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิดที่ขยายวงเงินเป็นเดือนละ 600 บาท จนถึงอายุครบ 3 ปี แต่มีปัญหาที่เกิดขึ้น คือ การให้ความช่วยเหลือยังไม่ทั่วถึง เนื่องจากขาดฐานข้อมูล และบางพื้นที่ยังคงใช้ระบบพวกพ้อง ส่งผลให้ผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนที่แท้จริง ไม่สามารถเข้าถึงบริการที่มีอยู่ได้เท่าที่ควรจะเป็น
นายไมตรี กล่าวเพิ่มเติมว่า ทั้งนี้ ในส่วนของกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ ได้ดำเนินงานภายใต้แผนแม่บทที่เรียกว่าแผนยุทธศาสตร์สวัสดิการสังคมไทย ภายใต้พระราชบัญญัติส่งเสริมการจัดสวัสดิการสังคม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2550 ซึ่งจะครอบคลุมถึงระบบการจัดบริการทางสังคมที่ทั่วถึงเป็นธรรม ตอบสนองความจำเป็นขั้นพื้นฐานของประชาชน เพื่อให้มีคุณภาพชีวิตและพึ่งตนเองได้ โดยปัจจุบันกำลังจะเข้าสู่แผนฯ ฉบับที่ 3 ระหว่างปี 2560 ถึงปี 2564 ซึ่งยังเป็นฉบับร่างอยู่ สำหรับทิศทางการพัฒนางานสวัสดิการสังคมในช่วง 5 ปีข้างหน้า จะมุ่งเน้นเรื่องจัดระบบสวัสดิการที่เหมาะสมกับบริบทของไทย โดยมีกลยุทธ์สำคัญคือ สร้างความสมดุลระหว่างสวัสดิการแบบถ้วนหน้าและสวัสดิการที่มุ่งเป้าหมาย และกลยุทธ์ในการเสริมสร้างศักยภาพหุ้นส่วนการพัฒนาด้านสวัสดิการ อย่างไรก็ตาม เพื่อให้ประชาชนได้รับประโยชน์สูงสุดอย่างทั่วถึง
“สำหรับกิจกรรมที่น่าสนใจ ประกอบด้วย การออกบูธกิจกรรมจำนวน 18 บูธ จากหน่วยงานในสังกัดกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ และบริษัทเอกชนที่มีผลงานดีเด่นในด้านการพัฒนาสังคมเป็นเลิศการเสาวนากลุ่มในหัวข้อ “พม. : การจัดสวัสดิการสังคมที่ยั่งยืนสำหรับทุกคน” พิธีมอบโล่รางวัลและโล่ขอบคุณจำนวน 29 องค์กร การแสดงดนตรีโดยวงดนตรีคนตาบอด วง S2S (From Street to Stars) และการประมูลทรัพย์หลุดจำนำจากสำนักงานธนานุเคราะห์ นอกจากนี้ ตนได้กล่าวปาฐกถาพิเศษ เรื่อง “สวัสดิการสังคมไทยในทศวรรษหน้า” เพื่อให้เห็นภาพแนวโน้มสถานการณ์ทางสังคมไทยในปัจจุบันที่จะมีผลกระทบต่อการจัดสวัสดิการสังคมไทยในอนาคต โดยเน้นย้ำการดำเนินงานด้านสวัสดิการสังคมด้วยหลักคิดสำคัญ คือ 1) อุทิศตน 2) อาสางาน 3) เอื้ออาทร และ 4) อำนวยประโยชน์สุข” นายไมตรี กล่าวในตอนท้าย
ขอขอบคุณข่าวสารจาก ข่าวกระทรวง
หน้าที่เข้าชม | 618,753 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 459,866 ครั้ง |
เปิดร้าน | 24 ต.ค. 2557 |
ร้านค้าอัพเดท | 3 ก.ย. 2568 |